วันที่ 15 เม.ย. 63 ในช่วงเช้า วัดหลายแห่งในพื้นที่ บาคาร่าออนไลน์ อ.เมือง จ.ลำพูน ประชาชนชาวลำพูนแต่งกายชุดพื้นเมือง ทั้งชาย หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ มาทำบุญทานขันข้าว ปักตุง 12 นักษัตร นำไม้มาค้ำต้นโพธิ์ภายในวัด เนื่องใน วันเถลิงศก หรือ วันพญาวัน ในปี 2563 นี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 ทำให้ประชาชนมาน้อยลง และได้มีการประกาศงดเว้นการจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์
โดยวันนี้ชาวบ้านจะตื่นแต่เช้าไปทำบุญตักบาตร นำขันข้าว ซึ่งเป็นสำรับ
มีทั้งอาหารคาวหวาน ขนม ของขบเคี้ยว น้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำหยาดอุทิศส่วนกุศลไปหาผู้ล่วงลับ ไปถวายทานให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว และ นำตุง 12 นักษัตร ไปปักเจดีย์ทราย นำไม้ค้ำสะหรี หรือไม้ค้ำต้นโพธิ์ไปค้ำต้นโพธิ์ เป็นการค้ำจุนประพุทธศาสนา พร้อมกับสรงน้ำพระเป็นสิริมงคลปีใหม่ ที่ชาวเหนือล้านนานิยมทำกันเป็นประจำทุกปีในวันนี้ สืบทอดประเพณีอันดีงามทางพระพุทธศาสนา และฟังธรรมเทศนาเป็นสิริมงคล
สำหรับ วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราช เรียกว่า “วันเถลิงศก” หรือ “วันพญาวัน” ซึ่งเป็นวันสำคัญวันแรกของปีใหม่เมือง หรือวันปีใหม่ของคนล้านนา ในตอนเช้าประชาชนจะพาครอบครัวไปทำบุญที่วัด อุทิศส่วนกุศลไปหาบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และทำบุญสร้างกุศลให้ตัวเอง และครอบครัว ส่วนตอนสายๆ ก็จะพากันไปรดน้ำดำหัวขอขมาญาติผู้ใหญ่ ผู้เคารพนับถือ และ ครูบาอาจารย์ เพื่อขอพรเป็นสิริมงคลต่อไป
เสนอรัฐฯ ปิดร้านทองชั่วคราว หลังประชาชนแห่ขายแลกเงินสด จากกรณีเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ราคาทองคำปรับขึ้นครั้งแรก 550 บาท ทำให้ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาททองคำละ 26,250 บาท ส่วนทองคำรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 26,750 บาท โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ล่าสุด นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า การที่ทองคำปรับราคาขึ้นแรงๆ ทำให้มีนักลงทุนนำทองคำมาขายทำกำไรจำนวนมาก เข้ามาต่อแถวขายตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด โดยเฉพาะวันที่ 14 เมษายน มีลูกค้านำทองคำมาขายคืนแล้ว คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก เพราะมีทั้งการนำทองเก่าและใหม่มาขาย เพื่อทำกำไร และถือเงินสดไว้เพิ่มความสามารถในการใช้จ่ายของตัวเอง และหากลูกค้านำทองคำมาขายพร้อมกัน ร้านทองคงไม่มีเงินรับซื้อทั้งหมดแน่นอน
ทางสมาคมฯ ได้หารือภายใน เพื่อรับมือกับความต้องการขายทองคำเพื่อทำกำไรของนักลงทุนจำนวนมากมาตลอด ซึ่งหากสถานการณ์การขายทองคำยังดูรุนแรงขึ้น ก็ต้องการหารือกับรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลช่วยสั่งปิดร้านทองชั่วคราว เพื่อรักษาสภาพคล่องของผู้ประกอบการในตลาดทองคำ
นายกเสนอ 3 แนวทางรับมือโควิด-19 ที่ประชุมอาเซียนและบวกสาม
ข่าวทำเนียบรัฐบาล รายงาน วานนี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษ ว่าด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีร่วมกับผู้นำอาเซียนชื่นชมการดำเนินการต่อสถานการณ์โควิด-19 กับผู้นำประเทศบวกสาม ที่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลงอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้นำทั้งหมดเห็นพ้องว่า สถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นวิกฤตการณ์ของโลกที่ส่งผลอย่างยิ่งต่อทุกภาคส่วนในสังคม
ทั้งนี้ ในการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเสนอแนวทางสำคัญ 3 แนวทาง ดังนี้
1. จัดตั้ง “กองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19” โดยจัดสรรเงินที่มีอยู่แล้ว จากกองทุนเพื่อการพัฒนาอาเซียน กองทุนความร่วมมือกับจีน ญี่ปุน เกาหลีใต้ และอาเซียนบวกสาม หรือเท่าที่สามารถตกลงกันได้ เพื่อรองรับผลกระทบ ทั้งในระยะสั้น ในการเป็นทุนสำหรับจัดซื้อชุดตรวจ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และในระยะยาว เพื่อสนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อคิดค้นวัคซีน และยา
2. ใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมืออาเซียนบวกสาม ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเสนอให้ใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือด้านสาธารณสุขที่มีอยู่แล้ว ร่วมกับการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการผลิตนวัตกรรมเพื่อป้องกันและรับมือการแพร่ระบาด และความท้าทายอื่นๆ ในอนาคต
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังเสนอให้สำนักเลขาธิการอาเซียนและสำนักเลขาธิการความร่วมมือไตรภาคี (TCS) รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนโยบายและมาตรการของแต่ละประเทศ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากมาตรการริเริ่มเชียงใหม่พหุภาคี (CMIM) เพื่อบรรเทาผลกระทบและสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาค ในกรณีที่จำเป็น
3. ส่งเสริมทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่าง ๆ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำอาเซียนบวกสามเห็นพ้องในปีที่ผ่านมา ทั้งการศึกษา การติดต่อสื่อสาร และการค้าการลงทุน พร้อมเร่งใช้เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีใหม่ๆ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ MSMEs รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบจากข่าวปลอม
โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความเป็นหุ้นส่วนที่แน่นแฟ้น และการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ จะช่วยให้เราเอาชนะวิกฤตนี้ไปได้ โดยไทยพร้อมร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียนบวกสามอย่างเต็มที่ ให้ทุกประเทศในภูมิภาคสามารถฟื้นตัวและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของโลกนี้ต่อไป เราจะเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน บาคาร่าออนไลน์